แบ็คแจ็ค เกมไพ่ 21 เล่นยังไง มีอะไรบ้างที่มือใหม่ต้องรู้ เรามีคำตอบให้ที่นี่

แบ็คแจ็ค

เกมไพ่ แบ็คแจ็ค เป็นเกมที่หลายคนคุ้นเคยและถือเป็นหนึ่งในเกมยอดฮิตทั้งในคาสิโนและโลกออนไลน์ที่เราพบเห็นได้ตามเว็บต่าง ๆ รูปแบบการเล่นนั้นไม่ซับซ้อน เพียงแค่ศึกษากติกาและฝึกเล่นสักหน่อยก็จะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ในบทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับการเล่น แบ็คแจ็คออนไลน์ แบบง่าย ๆ สำหรับมือใหม่ ตั้งแต่การนับแต้มไพ่ วิธีการเล่นในแต่ละรอบ ไปจนถึงประเภทของเกมที่คุณควรรู้ รวมถึงเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการตัดสินใจเล่น แบ็คแจ็คได้เงินจริง เพื่อเพิ่มโอกาสชนะให้สูงที่สุด ที่สำคัญคือเราได้รวบรวมวิธีการเล่นแบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถนำไปใช้ได้จริง!

แบ็คแจ็ค มีกี่ประเภท อะไรบ้าง มาดูกัน

แบล็คแจ็คเป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในคาสิโนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในคาสิโนดั้งเดิมหรือผ่านทาง คาสิโนออนไลน์ ความสนุกของเกมนี้อยู่ที่กติกาที่เข้าใจง่ายและความตื่นเต้นในการตัดสินใจเลือกจั่วหรือหยุดไพ่ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำประเภทของ แบล็คแจ็ค ที่มีอยู่ เพื่อให้ผู้เล่นทุกคนสามารถเลือกเล่นได้ตามความชอบและความถนัด มาดูกันว่าแบล็คแจ็คมีแบบไหนบ้างที่น่าสนใจ

แบ็คแจ็ค มีกี่ประเภท

คลาสสิกแบล็คแจ็ค (Classic Blackjack)

รูปแบบดั้งเดิมที่เล่นด้วยไพ่ 1-8 สำรับ ผู้เล่นต้องทำแต้มให้ใกล้เคียง 21 มากที่สุดโดยไม่เกินจากแต้มนี้ เป็นเกมที่มีกติกาง่ายและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

ยุโรปแบล็คแจ็ค (European Blackjack)

มีความแตกต่างจากคลาสสิกแบล็คแจ็คตรงที่เจ้ามือจะได้รับไพ่เพียงใบเดียวในตอนแรก และจะเปิดไพ่ใบที่สองหลังจากผู้เล่นทำการตัดสินใจเสร็จ

แอตแลนติกซิตี้แบล็คแจ็ค (Atlantic City Blackjack)

เกมนี้มีกฎเฉพาะ เช่น การอนุญาตให้ยอมแพ้ (Surrender) และการแบ่งไพ่ได้ถึงสามครั้ง เพิ่มโอกาสในการเอาชนะเจ้ามือมากขึ้น

สวิตช์แบล็คแจ็ค (Blackjack Switch)

ในเกมนี้ผู้เล่นจะได้รับไพ่สองมือ และสามารถสลับไพ่ระหว่างสองมือเพื่อสร้างมือที่แข็งแกร่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการชนะ

แบล็คแจ็คดับเบิ้ลดาวน์ (Double Exposure Blackjack)

เจ้าจะเปิดไพ่สองใบแรกให้ผู้เล่นเห็นทันที ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการวางแผนการเล่น แต่การจ่ายเงินเมื่อชนะจะน้อยกว่าปกติ

เวกัสแบล็คแจ็ค (Vegas Strip Blackjack)

เกมนี้ใช้ไพ่ 4 สำรับ และมีกฎพิเศษเกี่ยวกับการแยกไพ่และดับเบิ้ลดาวน์ มักพบในคาสิโนที่ลาสเวกัสและเป็นที่นิยมของผู้เล่นแบล็คแจ็ค

แบ็คแจ็คออนไลน์ ไพ่แต่ละใบมีวิธีนับแต้มอย่างไร

เรามาดูกันว่ามูลค่าของหน้าไพ่ใน แบ็คแจ็คออนไลน์ เป็นอย่างไรและวิธีการนับแต้มแบบง่าย ๆ สำหรับผู้เล่นใหม่ เพื่อให้เข้าใจกติกาได้อย่างรวดเร็ว รายละเอียดมีดังนี้

  • ไพ่ตัวเลข (2-10): มีมูลค่าตามตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าไพ่ เช่น ไพ่เลข 5 ก็จะมีค่าเท่ากับ 5 แต้ม
  • ไพ่หน้า (J, Q, K): มีมูลค่าเท่ากับ 10 แต้ม ไม่ว่าจะเป็นไพ่ J (แจ็ค), Q (ควีน), หรือ K (คิง)
  • ไพ่ A (เอซ): สามารถมีมูลค่าได้ทั้ง 1 แต้มหรือ 11 แต้ม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในมือของผู้เล่น หากรวมแต้มแล้วไม่เกิน 21 ไพ่ A จะนับเป็น 11 แต้ม แต่ถ้าเกินจะนับเป็น 1 แต้มแทน

การนับแต้มรวมของมือในแบล็คแจ็คจึงเป็นเรื่องง่าย หากแต้มรวมของผู้เล่นใกล้เคียงหรือเท่ากับ 21 มากที่สุดโดยไม่เกินจากนั้นก็จะเป็นผู้ชนะในเกม

แบ็คแจ็คออนไลน์

ตัวอย่าง วิธีนับแต้ม แบ็คแจ็คออนไลน์

  • สมมติว่าคุณจั่วไพ่ได้ K กับ 2 ก็จะมีแต้มรวมเป็น 12 แต้มทันที หรือถ้าจั่วได้ 10 กับ A ในกรณีนี้ก็จะได้ 21 แต้ม ซึ่งเป็นแบล็คแจ็คและถือว่าชนะทันที
  • แต่ถ้าคุณจั่วได้ Q กับ 6 และเลือก Double down แล้วจั่วเพิ่มได้ A แต้มรวมจะเป็น 17 ไม่ใช่ 27 เพราะ A นับเป็น 1 แต้มในกรณีนี้
  • สิ่งสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับกติกาของแบล็คแจ็คคือ การจั่วไพ่ 2 ใบต้องพยายามให้แต้มรวมใกล้ 21 มากที่สุด หากแต้มรวมของคุณต่ำกว่า 16 แนะนำให้จั่วเพิ่มเพื่อเพิ่มโอกาสชนะ
  • แต่ถ้าเจ้ามือจั่วสองใบแล้วได้แบล็คแจ็ค คุณจะแพ้ทันที ยกเว้นว่าคุณได้แบล็คแจ็คเหมือนกันก็จะถือว่าเสมอ

แบ็คแจ็คได้เงินจริง แนะนำวิธีเล่นที่มือใหม่ก็เข้าใจได้ไม่ยาก

ก่อนที่จะเริ่มเล่น แบ็คแจ็คได้เงินจริง สิ่งแรกที่คุณควรทำคือการเลือกประเภทของเกมที่คุณอยากเล่นและเลือกโต๊ะที่เหมาะสม หากคุณเล่นผ่านเว็บไซต์ แนะนำให้เลือกเว็บ Never9 ที่น่าเชื่อถือและมีใบอนุญาตรองรับ เพื่อให้มั่นใจว่าหากคุณชนะ คุณจะได้รับเงินรางวัลอย่างแน่นอน เกมแบล็คแจ็คที่พบบ่อยจะมีสองแบบหลัก ๆ คือแบบวิดีโอและแบบเดิมพันสด ถ้าคุณเลือกเดิมพันสด คุณจะได้เจอกับดีลเลอร์มืออาชีพจากค่ายเกมต่าง ๆ พร้อมทั้งตารางผลของเกมและอัตราการจ่ายที่ชัดเจน แต่ถ้าเป็นแบบวิดีโอ เกมจะใช้ระบบสุ่มทั้งหมดในการเล่น

เมื่อเลือกห้องเล่นแล้ว ขั้นตอนแรกคือวางเงินเดิมพันก่อนเสมอ จากนั้นรอเจ้ามือจั่วไพ่ให้ครบ ซึ่งในแต่ละรอบจะมีเวลาจำกัดให้คุณวางเดิมพัน ถ้าวางไม่ทันต้องรอรอบถัดไปเหมือนกับเกมอื่นๆ อย่าง บาคาร่าที่มีเวลาให้ 25-30 วินาที หรือ รูเล็ต ที่มีเวลา 30-45 วินาที ดังนั้น คุณต้องตัดสินใจให้เร็ว นอกจากนี้ยังมีรูปแบบเดิมพันเสริมที่คุณสามารถเลือกได้ เมื่อถึงเวลาคุณจะได้รับไพ่ 2 ใบจากเจ้ามือ หลังจากนั้นตรวจสอบแต้มรวมของไพ่ที่คุณได้มา แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อ นี่คือขั้นตอนการเล่นแบล็คแจ็คง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้ตามจำนวนแต้มไพ่ที่คุณถืออยู่

แบ็คแจ็คได้เงินจริง

BlackJack

กรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณจั่วไพ่แล้วได้แต้มรวมเท่ากับ 21 ตั้งแต่สองใบแรก เช่น จั่วได้ A กับ Q หรือ 10 กับ A ในทันที คุณจะสามารถขานแบล็คแจ็คและชนะได้เลยทันที แต่ถ้าเจ้ามือขานแบล็คแจ็คเหมือนกัน เกมในรอบนี้จะถือว่าเสมอ และคุณจะได้รับเงินเดิมพันคืนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงรอบที่เจ้ามือจั่วไพ่ เขาจะหงายไพ่หนึ่งใบให้ผู้เล่นเห็น เพื่อให้คุณได้คาดเดาสถานการณ์ ถ้าเจ้ามือเปิดได้ A มีโอกาสที่เขาจะได้แบล็คแจ็คเช่นกัน

Hit

การจั่วไพ่เพิ่มในแบล็คแจ็คจะทำเมื่อไพ่สองใบแรกของคุณมีแต้มต่ำกว่าที่ต้องการ คุณสามารถจั่วไพ่เพิ่มได้ไม่จำกัด แต่ถ้าแต้มรวมเกิน 21 จะถือว่าแพ้ทันที เราขอแนะนำให้คุณจั่วเพิ่มในกรณีที่แต้มในมือของคุณต่ำกว่า 17 เช่น 16, 15 หรือ 14 เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้แต้มที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ถ้าคุณมีแต้มรวมเป็น 17 แล้ว การจั่วเพิ่มอาจเสี่ยงทำให้แต้มเกิน 21 ได้ง่าย

Stand

การยืนไพ่ หรือ Stand คือการที่คุณตัดสินใจไม่จั่วไพ่เพิ่ม เมื่อรู้สึกว่าแต้มในมือของคุณเหมาะสมและมีโอกาสชนะแล้ว กรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเจ้ามือไม่ขานแบล็คแจ็คหลังจากจั่วไพ่ 2 ใบเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นช่วงที่คุณจะเข้าสู่การต่อสู้กับเจ้ามืออย่างแท้จริง การยืนมีสองเหตุผลหลัก อย่างแรกคือคุณมั่นใจว่าแต้มในมือใกล้เคียงกับ 21 มากพอที่จะชนะเจ้ามือได้ ส่วนแบบที่สองคือการกดดันเจ้ามือและผู้เล่นคนอื่น ๆ ให้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากขึ้น ซึ่งอาจทำให้พวกเขายอมแพ้และคุณก็จะชนะรอบนั้นไปโดยปริยาย

Double Down

เป็นกลยุทธ์ในแบล็คแจ็คที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีงบประมาณเยอะและมั่นใจในแต้มของตน เพราะมันต้องเพิ่มการเดิมพันเป็นสองเท่าและจั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ วิธีนี้ไม่เพียงเพิ่มความกดดันให้กับคู่ต่อสู้มากกว่าการยืน (Stand) แต่ยังเป็นการบลัฟที่สร้างความตึงเครียดในเกมด้วย หากไพ่ใบที่จั่วเพิ่มทำให้แต้มรวมของคุณเกิน 21 แต้ม ก็จะถือว่าแพ้ทันทีเช่นกัน

Split

ในแบล็คแจ็ค การใช้กลยุทธ์ Split คือการที่คุณจั่วไพ่ออกมาได้แต้มเท่ากัน เช่น J หรือ 10 ซึ่งจะทำให้คุณสามารถแบ่งไพ่ทั้งสองใบออกเป็นสองกอง และเพิ่มการเดิมพันอีกหนึ่งมือได้ ไพ่ J และ 10 รวมกันจะมีแต้มเท่ากับ 20 แต่ถ้าแยกไพ่เป็นสองกองแต่ละกองจะมีแต้ม 10 ซึ่งมีโอกาสดีในการจั่วไพ่ A หรือ 10 เพิ่มเติมเพื่อให้ใกล้เคียง 21 และเพิ่มโอกาสในการชนะเป็นสองเท่า คุณยังสามารถเลือกที่จะไม่แยกกองและทำการ Stand เพื่อสู้กับเจ้ามือได้ แต่ต้องระวังว่า หากเจ้ามือขานแบล็คแจ็ค คุณจะถือว่าแพ้หรือเสมอทันที

Insurance

การเล่นแบบ Insurance เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงในแบล็คแจ็ค คุณสามารถเลือกทำ Insurance ก่อนที่เจ้ามือจะจั่วไพ่ใบที่สอง หลังจากเห็นว่าไพ่ใบแรกของเจ้ามือเป็นไพ่ A ซึ่งมีมูลค่า 1 หรือ 11 แต้ม ในกรณีนี้จะนับเป็น 11 แต้ม หากเจ้ามือจั่วไพ่ใบที่สองเป็น 10 แต้ม จะทำให้เจ้ามือได้แบล็คแจ็ค การทำ Insurance จะไม่สามารถทำได้ทุกตา โดยคุณจะมีโอกาสเลือกทำ Insurance ได้เฉพาะเมื่อเจ้ามือหงายไพ่ A เท่านั้น หากคุณตัดสินใจทำ Insurance จะต้องวางเงินเดิมพันเพิ่มอีกครึ่งหนึ่งจากจำนวนที่เดิมพันไว้เดิม

แบ็คแจ็ค เกมไพ่สุดท้าทายที่เราอยากให้คุณได้ลอง

หลายคนที่เล่นคาสิโนมานานอาจสงสัยว่า แบ็คแจ็ค เล่นยังไง ทำไมดูเหมือนจะยาก และการนับแต้มไพ่เป็นอย่างไร เช่น A นับเป็นกี่คะแนน ทำไมถึงนับไม่เหมือนกันตามสถานการณ์ ถ้าคุณได้อ่านบทความนี้แล้ว น่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับ แบ็คแจ็คออนไลน์ มากขึ้น แบล็คแจ็คเป็นเกมที่เล่นไม่ยาก และยังมีความสนุกจากการใช้จิตวิทยาในการบลัฟ ดังนั้น ผู้เล่น แบ็คแจ็คได้เงินจริง ควรมีความมั่นใจเต็มที่และหลีกเลี่ยงการเผยช่องโหว่ที่ทำให้คู่ต่อสู้คาดเดาได้ง่าย

ซึ่งนอกจากแบ็คแจ็คแล้ว เว็บคาสิโนของเรายังมีเกมอื่นๆ ให้เล่นอีกมากมายที่มาพร้อมกับโบนัสสุดพิเศษเพียบ รวมไปถึงทีมงานที่มีคุณภาพคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอด 24 ชม. หากเกิดปัญหาระหว่างการเล่น เพียงแค่ทำการ @line เข้ามาก็สามารถติดต่อได้ทันที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *